ramen
ramen เป็นบะหมี่น้ำของญี่ปุ่น ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน ราเม็งมักจะทานกับเนื้อหมู สาหร่าย คามาโบโกะ และต้นหอม ในบางครั้งอาจจะมีข้าวโพดด้วย รสชาติของราเม็งมีการปรุงรสที่แตกต่างกันตามแต่ละท่องที่ในญี่ปุ่น อย่างเช่น เกาะคีวชู ต้นกำเนิดของราเม็งทงกตสึหรือราเม็งซุปกระดูกหมู เกาะฮกไกโด ต้นกำเนิดของราเม็งมิโซะหรือราเม็งเต้าเจี้ยว นั่นเอง
ในประเทศตะวันตกนั้น คำว่า “ ราเม็ง ” รู้จักกันในความหมาย คือ “ บะหมี่สำเร็จรูป ”
ประวัติของ ramen
ในประวัติศาสตร์นั้น ราเม็ง ได้มีที่มา มาจากประเทศจีนและถูกนำเข้ามาในประเทศญี่ปุ่น จากชาวจีนที่ได้อพยพเข้ามาในศตวรรษที่ 1 9 ซึ่งคำว่า “ ราเม็ง ” นั้น มาจากภาษาจีน คือ “ ลาเมี่ยน ” มีความหมายถึง เส้นบะหมี่ที่ใช้มือนวดให้เป็นเส้น ๆ และมีความเหนียวนุ่ม ได้รับความนิยมและมีการบริโภคไปทั่วเอเชียตะวันออก จากการบันทึกของพิพิธภัณฑ์ราเม็งในเมืองโยโกฮาม่า ราเม็งได้ถูกนำเข้ามาในประเทศญี่ปุ่นในราว ๆ เมื่อปี ค.ศ. 1 8 5 9 และโทกูงาวะ มิตสึกูนิ ขุนนางใหญ่ยุคเมจิที่ได้รับประทานราเม็ง
ราเม็งจึงได้รับความนิยมแพร่หลายอย่างมากในญี่ปุ่นในต้นศตวรรษที่ 2 0 ซึ่งในระยะแรกนั้นราเม็งถูกเรียกว่า “ ชินาโซบะ ” ที่แปลว่า “โซบะเจ๊ก” ต่อมาชาวจีนจึงเริ่มมีการขายราเม็งตามรถเข็นพร้อมกับขายเกี๊ยวซ่า และมีการเป่าชารูเมระเพื่อเรียกลูกค้า ซึ่งในปัจจุบันนั้นได้มีการอัดเป็นเทปเปิดแทนอีกเช่นกัน
ถึงแม้ราเม็งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะอาหารเส้นของประเทศญี่ปุ่น แต่ที่จริงนั้นต้นกำเนิดของราเม็งมาจากประเทศจีน โดยมีสมมติฐานว่าราเม็งเป็นคำที่เพี้ยนมาจากคำว่า “ ลาเมียน ” ในภาษาจีนที่หมายถึง เส้นก๋วยเตี๋ยวที่ใช้มือนวด หรืออีกคำคือ “ เลาเมียน ” ก็คือ ก๋วยเตี๋ยวโบราณในภาษาจีนนั่นเอง
อีกทั้งในประวัติศาสตร์ยังมีการบันทึกว่า คนญี่ปุ่นเริ่มรู้จักบะหมี่น้ำ เมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 1 7 หรือยุคเมจิ จากการที่โทคุกาวะ มิทซึคุนิ ไดเมียวในสมัยเอโดะ ได้รับประทานเป็นคนแรกและสมัยนั้น ราเม็งจะถูกเรียกกันว่า “ชินะโซบะ” แปลว่าโซบะจีน แต่ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนักจนกระทั่งเมื่อ ปี ค.ศ. 1 9 0 0 มีชาวจีนค้าขายอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ที่ได้ทำราเม็งขายคู่กับเกี๊ยวซ่า จัดเป็นชุดขายทำให้คนที่ใช้แรงงานได้กิน ซึ่งในยุคนั้นมีการตะโกนโฆษณาเรียกลูกค้ากัน เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนญี่ปุ่นรู้จักราเม็งกันอย่างแพร่หลายนับแต่นั้นมา
ชนิดของราเม็ง
ราเม็งมีหลากหลายชนิดตามภูมิภาค โดยจะแบ่งตาม เส้นก๋วยเตี๋ยว เนื้อ และซุป สามอย่างนี้เป็นหลัก ได้แก่
- ราเม็งโชยุ
- ราเม็งมิโซะ
- ราเม็งชิโอะ
- ราเม็งบันชู
- ราเม็งทากายามะ
- ราเม็งโอโนมิจิ
- ราเม็งชาชู
น้ำซุปประเภทต่างๆที่นิยมใช้ทำราเม็ง
- ชิโอะ หรือซุปเกลือ
ชิโอะ ถือว่าเป็นรสชาติต้นตำรับที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน เห็นได้จากธุรกิจการส่งออกของเมืองท่าฮาโกดาเตะ เนื่องจากน้ำซุปที่เป็นต้นตำรับราเม็งในบริเวณนั้นคือนํ้าซุปที่ได้มาจากเกลือ เพราะว่าเกลือเป็นวัตถุดิบที่เปลี่ยนเเปลงรสชาติที่แท้จริงของอาหารที่จะทำให้คุณได้ลิ้มรสชาติความสดของวัตถุดิบและรสชาติของราเม็งได้ดี
- โชยุ หรือซุปซีอิ๊วญี่ปุ่น
ราเม็ง อีกชนิดที่ได้รับความนิยมเนื่องจากการใช้เครื่องปรุงรสจากญี่ปุ่นแท้ ๆ อย่างโชยุที่ผสมผสานเข้ากับน้ำซุป ซึ่งราเม็งได้เข้าสู่วัฒนธรรมการกินของประเทศญี่ปุ่นในยุคเมจิและเป็นที่รู้จักกันดีในนามอาหารต่างชาติเพื่อจะทำให้ราเม็งเป็นที่นิยมของคนในชาติจึงต้องใส่เครื่องปรุงรสอย่างโชยุลงในน้ำซุป
- มิโซะ หรือซุปเต้าเจี้ยวญี่ปุ่น
มิโซะ ถือเป็นราเม็งที่มีเอกลักษณ์ตามแบบฉบับญี่ปุ่นที่แท้จริง เพราะมีการใช้เต้าเจี้ยวญี่ปุ่นเป็นส่วนผสมหลักของนํ้าซุป มิโซะราเม็งถ้วยแรกถือกำเนิดขึ้นที่เมืองซัปโปโร จังหวัดฮอกไกโด มิโซะราเม็งมีส่วนผสมของน้ำมันหมูที่ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่น เส้นราเม็งมีความหนาและเหนียวนุ่ม ซึ่งปกติแล้วมิโซะราเม็งจะใช้ถั่วงอกและกะหล่ำปลีเป็นส่วนประกอบ ช่วยลดความเข้มข้นของน้ำซุปและทำให้รสชาติที่ไม่เลี่ยนเกินไป
- ทงคตสึ หรือซุปกระดูกหมู
ทงคตสึ เปิดตัวครั้งแรกที่ฮากาดะ และคุรุเมะจังหวัดฟุคุโอกะ มีความโดดเด่นของซุปกระดูกหมู น้ำซุปเข้มข้นกลมกล่อมจากการเคี่ยวกระดูกหมู เส้นราเม็งจะบางตรงเพื่อให้เส้นดูดซับรสชาติของน้ำซุปกระดูกหมูอย่างเต็ม ๆ ร้านราเม็งซุปกระดูกหมูในโตเกียวจึงมีการพัฒนาให้เป็นเอกลักษณ์ที่ประดับหน้าราเม็งด้วยหมูสามชั้นย่างเป็นเครื่องเคียงอีกด้วย
- เกียวไค หรือซุปอาหารทะเล
น้ำซุปที่ใช้ในราเม็งเกียวไคทำมาจากกระดูกหมู ไก่ และอาหารทะเล ซุปจึงมีความเข้มข้นมากจากความหลากหลายของวัตถุดิบที่ผสมกันในการทำซุป น้ำซุปมีทั้งแบบใสและแบบข้น ราเม็งเกียวไคเป็นที่นิยมกันแพร่หลายในบริเวณโทโฮคุ
- โทริ หรือซุปกระดูกไก่
เป็นราเม็งที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปีค.ศ. 2 0 0 0 น้ำซุปเข้มข้นมาจาการต้มกระดูกไก่กับเนื้อไก่ รสชาติของน้ำซุปหอมอร่อย คล่องคอ ไม่เข้มข้นหรือติดรสขมเหมือนราเม็งซุปกระดูกหมู นอกจากนี้ยังมีเนื้อไก่และลูกชิ้นเนื้อไก่เป็นเครื่องเคียงด้วย
- อุชิ หรือซุปเนื้อ
ราเม็งซุปเนื้อเป็นน้องใหม่มาแรง อุชิราเม็งใช้กระดูกวัวและเนื้อวัวในการต้มซุป จึงทำให้ได้นํ้าซุปที่เข้มข้นและหอมหวานมาก เครื่องเคียงอุชิราเม็งก็คือเนื้อวัวย่าง ซึ่งในปัจจุบันคนญี่ปุ่นนิยมบริโภคเนื้อวัวมากกว่าเนื้อหมูหรือเนื้อไก่ อุชิราเม็งจึงได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องจนถึงในตอนนี้
โดยปัจจุบันนี้ “ราเม็ง” ถือว่าเป็นอาหารเส้นดาวเด่นในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะในปีค.ศ. 1 9 5 8 โมโมฟุคุ อันโด ผู้ก่อตั้งนิชชินฟู้ดส์ ผู้ได้คิดค้นดัดแปลงการทำราเม็งเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และได้ต่อยอดความนิยมของราเม็งให้ไปไกลทั่วทุกพื้นที่ในญี่ปุ่น รวมถึงพื้นที่อื่น ๆ ในโลก เช่น ประเทศไทยของเราก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ติดใจในรสชาติบะหมี่ญี่ปุ่น หรือราเม็งอยู่เหมือนกัน
ขอบคุณที่มาดี ๆ จาก g a v g a v k a